แอริน ยุกตะทัต เปลี่ยนความคิด

แอริน เปลี่ยนความคิดเตรียมเก็บไข่อยากมีเบบี๋ เลิกซ่าห่างปาร์ตี้หันมาดูแลตัวเอง

เจ้าสาวป้ายแดงอารมณ์ดี แอริน ยุกตะทัต ที่เพิ่งจะแต่งงานสละโสด เริ่มต้นชีวิตคู่ไปเมื่อ สิ้นเดือนที่ผ่านมา ล่าสุดมาเปิดใจกับพิธีกร แมทธิว ดีน ในรายการ “วัน เดย์ วิท แมทธิว หนึ่งวันมันดี ตีซี้คนดัง” ว่าพร้อมสร้างเบบี๋แล้ว

“ตัวเราอดีตกับยุคนี้ จะไม่เหมือนกันเลยค่ะ เมื่อก่อนจะเห็นเราแข่งรถ ชอบขับเร็วเวลาอยู่ในสนาม ตามหา ความรู้สึกที่ทำให้หัวใจ เต้นแรงจนเกือบจะหลุดออกจากร่าง ยอมรับว่าซ่าตั้งแต่เด็ก ตอนเรียนห้าวๆ เด็กอินเตอร์เดินสายปาร์ตี้ สุดเหวี่ยง แต่ว่าพอโตเป็นผู้ใหญ่ ขี้กลัวจะตายค่ะ (หัวเราะ) ขับรถช้า เป็นไปตามวัยมากกว่า ตื่นเช้า ดูแลตัวเอง ชอบอยู่บ้านและแทบเลิกดื่มไปเลย

แอริน ยุกตะทัต เตรียม

แอริน ยุกตะทัต ทุกคนจะรู้ดีว่าเราเพื่อนเยอะ แต่ว่าโลกและสังคมเปลี่ยนไป

หลังโควิดมาเราไม่ได้อยากออกไปไหน อยู่แต่บ้านดูทีวี มีความคิดว่ามันดีสำหรับเรา ด้วยเหตุว่าวัยเราควรจะหยุดได้แล้ว พบคนน้อยลง ชอบอยู่กับตนเองมากเพิ่มขึ้น ยิ่งเป็นคนแอ็กทีฟ ชอบออกกำลังกาย ชอบฟังเพลง เล่นแอเรียลโฟลว์ เน้นกีฬาสวยๆ งามๆ จะได้มีภาพลงไอจี ด้วยเหตุว่าเวลาไปออกงาน เดี๋ยวก็เป็นมีมอีก (หัวเราะ) แต่ว่าจุดเปลี่ยนสำคัญเลย ก็คือการเป็นเจ้าสาว โชคดีที่คบกันมานานแล้ว เราเลยปรับกันไม่มาก เพียงเลื่อนเป็นสามีภรรยา รวมทั้งทำหน้าที่กันอย่างเดิม

แต่คุณสามีบิ๊กเบญเขา เป็นคนนิ่ง ตรงข้ามกับเราที่เขาพูดน้อย ซึ่งดีจะได้ไม่ตีกับเรา (หัวเราะ) เรื่องน้องตอนแรกเราไม่ต้องการมีนะ แต่ว่าพอเห็นลูกของเพื่อนๆ แล้วเราแฮปปี้ ก็เลยต้องการมีบ้าง เพราะเราเป็นคนรักเด็กด้วย ก็ต้องการมีสัก 2 คน แต่ว่าด้วยวัยทองแล้วไข่น้อย พักผ่อนน้อย ทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ระยะนี้เลยดูแลตนเองมากๆ เพื่อเก็บไข่ก่อนค่ะ หวังว่าจะได้เป็นมามี้เร็วๆ นี้ค่ะ”

แอริน ยุกตะทัต อารมณ์สวิง

แอริน ยุกตะทัต พร้อมเป็นแม่แล้ว เผยวิธีผสมตัวอ่อน อารมณ์สวิงเห็นอะไรก็ร้องไห้

แอริน เปิดเผยแนวทางการทำ ICSI ผสมตัวอ่อน บอกอยู่ในภาวะอารมณ์สวิงขั้นสุด หวังจะได้เป็นแม่เร็วๆ นี้ นักแสดงสาว แอริน หลังสมรสกับ ไฮโซเบญจ เบญจรงคกุล ไปเมื่อท้ายปีที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า พร้อมจะเป็นคุณแม่อยากมีลูกเลย ล่าสุด แอริน ได้เผยแนวทางการผสมตัวอ่อน ซึ่งครั้งนี้เป็นรอบที่ 2 พร้อมกับเปิดเผยขั้นตอนการฉีดฮอร์โมน รวมทั้งพูดว่าช่วงนี้เธอจะต้องพบเจอกับ ภาวะอารมณ์สวิง เห็นอะไรก็ร้องไห้ไปหมด

“การทำ ICSI (ผสมตัวอ่อน) รอบ 2 ของแอร์ค่ะ รอบนี้ยากกว่ารอบแรก ไม่รู้เพราะอะไรถึงแม้ว่าไข่น้อย กว่ารอบที่แล้วอีก (รอบที่แล้ว 5 ฟอง รอบนี้ 4 ฟอง) อารมณ์สวิงขั้นสุด ตั้งแต่เริ่มฉีดยากระตุ้นเอง จนกระทั่งความอึดอัด อืด แล้วก็หน่วงของท้อง บางทีอาจเป็นเพราะรอบนี้ ฉีดไปด้วย และทำงานเยอะด้วย หอบไปฉีด ที่ประเทศสิงคโปร์ด้วย เห็นอะไรก็ร้องไห้

เห็นหมาก็ร้องไห้ เหนื่อยแหละ งอแงสุดๆ แต่ก็ผ่านมาได้ค่ะ ถึงแม้หมอม้อนจะน่ารักขนาดไหน แต่ขอให้รอบนี้ เป็นการเก็บหนสุดท้ายนะคะ เจอกันอีกทีตอนพร้อมเป็นหม่ามี๊เลยค่ะ (แต่เราเจอกันนอกรอบได้นะคะ)

“ขอขอบคุณคุณหมอม้อนสุดสวย @mont.sukprasert และพี่ๆ พยาบาลทุกคนที่ @nicivfclinic มากๆนะคะ รักกกก และ @benja_b ที่เป็นกำลังใจ ให้ตลอดและก็อดทนคอยปลอบเมื่อยามงอแง”

หลายๆคนเห็นแล้วต่างเข้ามาส่งกำลังใจ ให้กับ แอริน พร้อมด้วยอวยพรขอให้มีเบบี๋ เป็นคุณแม่สมใจปรารถนาไวๆ ค่ะ

แอริน ยุกตะทัต แต่งงาน

แอริน จูงมือ ไฮโซเบญ เข้าพิธีแต่งงานเรียบง่ายแต่อบอุ่น เจ้าสาวซึ้งน้ำตาแตก

หลังจากที่นักแสดงสาว แอริน ถูกหวานใจไฮโซเบญ เบญ เบญจรงคกุล ทำเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งงาน หลังจากที่ทั้งคู่คบหา ดูใจกันมานาน 4 ปีจนกระทั่งรักสุกงอม

และในวันที่ (2 ธ.ค. 65) ที่ผ่านมาได้ฤกษ์งามยามดี ที่ แอริน แล้วก็ เบญ ได้จับมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ ซึ่งเป็นการจัดงานแต่ง แบบเรียบง่าย และบรรยากาศในงาน เป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่อบอุ่นสุดๆ เนื่องจากมีครอบครัว และคนสนิทของทั้งสองฝ่าย ร่วมเป็นสักขีพยานรัก ในการเริ่มชีวิตคู่ของทั้งคู่อีกด้วย

แอรินไฮโซเบญ

โดย ปู่ไพวงษ์ เตชะณรงค์ ก็ได้โพสต์รูปภาพพร้อมด้วยเขียนอวยพร แอรินรวมทั้งเบญ ผ่านทางอินสตาแกรมของตนเองว่า “วันนี้ปู่มาเป็นเถ้าแก่ให้แอริน แต่งกับเบญจ เบญจรงคกุล เจ้าสาวสวย เจ้าบ่าวหล่อ ปู่ขออวยพรให้ทั้งคู่มีความสุขมากๆ”

แอริน-ไฮโซเบญ ฉลองวิวาห์หวานที่จังหวัดภูเก็ต จัดงานชายหาดสวยๆ เป็นคู่บ่าวสาวป้ายแดง ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับนางร้ายสาวแซ่บ แอริน ยุกตะทัต และก็ไฮโซหนุ่ม เบญ เบญจรงคกุล ภายหลังเข้าพิธีวิวาห์ไปช่วงวันที่ 2 เดือนธันวาคม 2565 ก่อนหน้านี้ ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ จังหวัดกรุงเทพ

โดยทั้งคู่ได้จัดพิธียกน้ำชาแบบจีน ก่อนจะเข้าพิธีรดน้ำสังข์ แล้วก็แต่งงานอย่างชื่นมื่น ท่ามกลางความรู้สึกชื่นชมยินดีของคนในครอบครัว ตลอดจนผู้ใหญ่ เพื่อนสนิท ที่ต่างมาร่วมพิธีกันอย่างพร้อมหน้า

มะนาว ศรศิลป์ เคลียร์

มะนาว ศรศิลป์ เคลียร์คนเม้าท์เรียนต่อแล้วใจแตก ยังโสดเพราะเข็ดรักเก่า

นางเอกแถวหน้าของช่องมากสี ที่จู่ๆ หายไปจากวงการเพื่อไปเรียนอย่าง มะนาว ศรศิลป์ แล้วยังมีข่าวว่าไปศึกษาต่อ แล้วใจแตก! พร้อมอัปเดตสถานะหัวใจ ยังโสด และก็ยังไม่เปิดใจ เพราะว่าเข็ดจากความรักครั้งเก่า ที่คบมานาน 12 ปี

แถมทั้งชีวิตมีแฟน เพียงคนเดียว ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW ออกอากาศทางช่อง One 31 ที่มี พีเค ปิยวัฒน์ รวมทั้งเป๊กกี้ ศรีธัญญา ดำเนินรายการ

จู่ๆหายไปจากวงการ?

มะนาว : เราอยู่วงการมาตั้งแต่อายุ 16-17 แล้ววันนั้นที่ตกลงว่า จะไปเรียนต่อคิดกับตนเองนานเช่นกันกว่าจะขอที่บ้านได้ กว่าจะขอต้นสังกัดได้ ช่วงนั้นถ่ายละครทุกวัน เราคิดว่าเรามีเป้าหมาย ต้องการไปเรียนต่อความฝัน สูงสุดของเรา เราเข้าวงการเร็ว การเรียนเราไม่เต็มที่กับเค้า

มะนาว ศรศิลป์ คุยแซ่บ

เลือกเรียนละทิ้งหน้าที่นางเอก เสียดายมั้ย?

มะนาว : หากเราออกไปพบประสบการณ์เรื่องการศึกษา หากเราฉลาด มีความรู้กลับมา เรื่องสวย เรื่องการแสดงมันจะกลับมาเองมากกว่า นี่วิธีคิดนาวนะคะ เราชอบฟุตบอลเลย ไปเรียนที่อังกฤษ มันตอบโจทย์เรามาก กว่าอยู่อเมริกากับพี่ ถ้าเกิดไปอยู่กับพี่เรามีความรู้สึกว่าไม่อิสระ

คิดว่าได้ไปแล้วก็ไปเลย (หัวเราะ) ตอนไปขอช่องสัญญายังไม่หมด ช่วงแรกกะไปเรียนภาษา 6 เดือน แต่พอไปแล้วติดใจ เราก็ขอเพิ่มอีก 6 เดือน แล้วรู้สึกต้องการเรียน ป.โท ต่อ ก่อนเรียนเตรียมภาษาอีก 1 ปี เรียนจริงรวมทั้งสิ้น 3 ปี

สัญญาช่อง?

มะนาว : ตอนที่เรากลับมาเบรก เค้าจะถามรับละครมั้ย เราเกรงใจผู้ใหญ่ เวลาเค้าถามมา เราไม่เล่นๆ ปฏิเสธอย่างเดียว รู้สึกว่ามันมิได้แล้ว ก็เคลียร์กับเค้าก่อน เลยว่าหนูจะตั้งใจเรียน ยังไม่เล่นละคร

แม่ก็ถามเค้าเคยเห็น ดาราหลายคนไปเรียนต่างประเทศ และก็หายไปเลย อันนี้เค้ากลัวมาก นาวพูดว่ายังโชคดี มีโซเชียลมีเดีย ยังอัปเดตชีวิตได้ให้อยู่ในสายตาประชาชน เลยบอกแม่ไม่ต้องห่วง แต่ถ้าเกิดหลุดจริง เราจะกลับเข้าไปอยู่สังกัดนั้นมันก็ยาก แต่ว่าเราก็จะต้องแลกว่า จะเอาแบบไหนอะไรดี เราอาจจะสุดโต่งไปหน่อย

ยกเลิกสัญญามั้ย?

มะนาว : คุยกับทางช่อง ทางผู้จัดการ บอกเค้าว่าเราเกรงใจ ขอตรงกลางแล้วกัน ขอออกมาเรียน เค้าเข้าใจว่าเราเรียนหนักจริงๆ เราก็ขอยุติสัญญา

มีข่าวขอฉีกสัญญาไปเรียน จะไม่กลับมา เนื่องจากใจแตก?

มะนาว : อาจจะความใจแตกแหละ มันได้เห็นโลกกว้าง รู้สึกว่าใจฉันไปแล้ว เราเอ็นจอยกับโลก คิดว่ามันสนุก เราได้ทำในสิ่ง ที่ไม่เคยทำมาก่อน มันมีบอลให้ดูด้วย ซึ่งเราชอบมาก

ก่อนไปเรียนต่างประเทศชีวิตเป็นยังไง?

มะนาว : เป็นเด็กธรรมดาคนนึง ที่อยู่ต่างจังหวัด ที่บ้านทำโรงเรียนเอง เราก็ค่อนข้างห้าว อยู่สุพรรณฯ มาโดยตลอดจนกระทั่งเข้าวงการ

อยู่โรงเรียนหญิงล้วนมีคนมาชอบ?

มะนาว : ก็ต้องมีบ้าง ด้วยเราเป็นนักกีฬาโรงเรียน ก็จะมีสาวๆ เข้ามาหาบ้าง เราไม่ชอบการจู่โจม มีความคิดว่าอันตราย ก็มีบางคนที่มาชอบเรา ก็ชอบเค้านิดนึง

สถานะหัวใจปัจจุบันนี้?

มะนาว : โสดค่ะ โสดมาครู่หนึ่งแล้ว มันมีคนเข้ามาหาบ้าง แต่ว่าเรารู้สึกว่ายังสนุก กับการใช้ชีวิตโสด เราเคยมีแฟนมาไม่เคยโสด พอกลับมาโสด เราจะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องรอรายงานใคร ไม่คาดหวังอะไรมาก

ผู้ที่มาจีบก็มีแต่ มันมิได้ชัดเจน ด้วยเหตุว่าใจเราไม่เปิด เราโฟกัสชีวิตว่า ต้องมีความพร้อมอะไรก่อนบ้าง หากเราไม่มั่นคงหาเงินมิได้ แล้วใครจะดูแลเรา

 

มะนาว ศรศิลป์ และ

มะนาว ศรศิลป์ เข็ดกับความรักครั้งเก่า?

มะนาว : อาจจะใช่ ไม่อยากเจ็บ คบกันนานมากตั้งแต่เด็ก ช่วงที่เราไปเรียน ตอนนั้นคือถอยหลังกันแล้ว ต่างคนต่างออกไปตามความฝันของตน ถอยกันมาคนละก้าวเพื่อดูว่า คนนี้ใช่หรือไม่อย่างไรต่อ

มียื้อมั้ย?

มะนาว : มันก็มี ยื้อจนกระทั่งให้ถึงที่สุด ยื้อไปแล้วเราเป็นคนเจ็บเองหรือเปล่า แต่ในขณะนี้บางทีก็หางานให้เค้าบ้าง

12 ปีเสียดายมั้ย?

มะนาว : เสียดายค่ะ แต่หากมันไม่ใช่ มันจะเสียดายมากกว่า มันยังมีชีวิตที่อีกไกลเลย ยังมีคนลุ้นให้กลับมา อนาคตยังตอบมิได้เลย ต่างคนได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างมีข้อดีข้อเสีย ก็เรียนรู้ด้วยกันมาตลอด

ทั้งชีวิตมีแฟนแค่คนเดียว?

มะนาว : ใช่ค่ะ แฟนคนเดียว

อยากมีลูกแบบอุ้มบุญ?

มะนาว : เราคุยกับที่บ้านหากวันนึง เราไม่มีสามี ไม่มีครอบครัว แล้วพี่สาวเรามีลูกมิได้ พี่สาวเป็น LGBTQ เราเลยมีความคิดว่าท้องให้หน่อยสิ ให้พี่สาวท้องให้ เรากลัวการคลอดลูก กลัวเจ็บ ตอนแรกเค้าอิดออด แต่ว่าพอมานั่งคุย กับที่บ้านเค้าโอเค แต่ว่าทำแฝดไปเลย แล้วแบ่งกัน ซึ่งแฟนพี่เค้าก็ยอมด้วย โลกมันน่ากลัวหลายสิ่ง ซึ่งเราก็ยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ แต่ว่าหากมีแฟนที่เข้ากันได้ เราก็อาจท้องก็ได้

แล้วใครจะเป็นเจ้าของน้ำเชื้อ?

มะนาว : เราจะหาเชื้อฝรั่งไปเลย มันจะมีแล็บที่เราสามารถเลือกยีนได้ ซื้อได้ เราเลือกได้ อาชีพอะไร เราเลือกได้ เค้าคัดยีนมาให้

หากโสดตลอดชีวิต?

มะนาว : รับได้ เรามีความคิดว่าเราสนุก ตัวคนเดียวก็สบายดี ไม่ต้องมีภาระอะไรมากมาย หาเงินก็ให้ครอบครัวที่บ้าน ปรนเปรอตัวเอง

ยังมูฟออนจากรักครั้งเดิมมิได้?

มะนาว : มันเคยมีความคิดนั้น มันก็ใช่ เราบางทีอาจยังมูฟออนจริงๆ เลยไม่ได้ การที่เราอยู่คนเดียว ขอสมาธิกับตัวโฟกัสกับตนเอง มีตอนนึงที่เรากลับมาคุยกัน ที่คุณพ่อเค้าเสีย ฟีลมันก็มา แต่ว่าเราถอยหลังกลับมาคุยกับตัวเองว่า จะเอายังไงดี ในตอนนี้อยากที่จะให้ตัวเองมีความมั่นคง ทำในสิ่งที่อยากทำ เราพัฒนาและก็ฝึกฝนอยู่เรื่อยๆ เกี่ยวกับอสังหาฯ

งานในวงการ?

มะนาว : ขณะนี้เริ่มกลับมาแล้ว มีหลายคนที่จีบ แต่เรายังไม่ได้แก่ขนาดนั้น เรายังมีความสามารถ มาเล่นละครเหอะ เล่นหนังอะไรอย่างนั้น ช่วงนี้อยากทำเป็นพิธีกรรายการกีฬา

มายด์ อาทิตยา บทนางเอก

มายด์-อาทิตยา ทำการบ้านหนัก กับบทนางเอกครั้งแรกในชีวิต ใน นางนาค สะใภ้พระโขนง

มายด์ อาทิตยา เป็นสาวสวยมากความสามารถ ที่แฟนๆ รู้จักกันดีในนาม 4EVE ที่ทั้งยังการร้อง เต้น เล่น แสดง ทำได้ครบทุกหมด ทุกบท สำหรับ มายด์ อาทิตยา ตรีบุดารักษ์ (มายด์ 4EVE) ที่ปัจจุบัน ได้ขึ้นแท่นเป็นนางเอก ครั้งแรกในชีวิต กับละคร วัยรุ่น พีเรียด โรแมนติก ดราม่า & คอมเมดี้ “นางนาค สะใภ้พระโขนง” ที่ผลิตโดย ช่องเวิร์คพอยท์ 23

มายด์ อาทิตยา ทำการบ้านหนัก

เมื่อได้มีโอกาสได้รับบทนี้ สาวมายด์ เปิดใจว่า

“เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ได้รับบทนางเอกเลยค่ะ ยากกว่าที่คิดไว้ทุกอย่าง แต่ว่า มายด์ ตั้งอกตั้งใจมาก รวมทั้งทำการบ้านหนักมากเช่นเดียวกันค่ะ สำหรับละครเรื่องนี้ มายด์ ตั้งแต่ไปพบประวัติของย่านาค เพื่อเรียนรู้ถึงความเป็นมา

เพื่อเวลาที่เราแสดง ทุกวินาทีที่เล่นจะได้ออกมา ดูสมจริงที่สุด ดีที่สุด ให้สมกับเป็นบทบาทสำคัญ นั่นก็คือบทบาทของ “นางนาค”

เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความรัก ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนาน ความรักอมตะของย่านาค ให้แฟนคลับได้ดูกัน ถึงแม้ว่าตัวละครในเรื่องนี้ จะตรงกันข้ามกับตัวจริงของ มายด์ เลย เนื่องจากว่ามายด์

เป็นคนเสียงเล็กๆ เวลาพูดจะออกแนวห้าว จนกระทั่งผู้ฟังอาจจะรู้สึกว่าเราดู เป็นคนแข็งๆ ไม่เหมือนกับบทของ นางนาค ที่ พี่กังฟู นิติวัฒน์ ชลวณิชสิริ ผู้กำกับฯ ตั้งใจไว้ ว่าต้องการที่จะให้โทนเสียงมีความละมุน นุ่มนวล น่าฟัง

ส่วนเรื่องของการแสดง ที่ต้องใช้อินเนอร์ทางสายตา การแอ็กติ้งต่างๆ ที่ดูไม่พอ ที่พี่กังฟูกังวลว่าผู้ชมจะไม่อิน เนื่องจากพอเราเล่นแล้ว ดูนิ่งไปนิด ก็ต้องพยายามมากยิ่งขึ้น ทุ่มเทมากเพิ่มขึ้น ทำการบ้านมากขึ้น กับจุดนี้ที่พี่เขาทักมาค่ะ แรกๆ ก็เครียดหนักเช่นกันนะ

มายด์ อาทิตยา ประวัติ

มีความคิดว่าทำไมบทเรา ถึงยากทุกซีนเลย

แล้วคือในเรื่องจะต้องเล่นกับ พี่ต๊งเหน่ง (รัดเกล้า อามระดิษ) ด้วย เนื่องจากเราเป็นลูกสะใภ้ของเขา แล้วยังจะต้องเล่นกับ พี่เก้า (จิรายุ ละอองมณี) ที่เก่งมากๆอีก ก็เลยยิ่งต้องทุ่มเทให้มากๆ ให้สมกับที่พี่ๆ ไว้ใจให้เรามารับบทบาทนี้ มายด์เลยทุ่มหมดตัว กับละครเรื่องนี้มากๆค่ะ แต่คือพี่ๆทุกคนก็พยายามช่วยนะคะ ช่วยเยอะมาก อีกทั้งช่วยส่งอารมณ์ บิลต์ให้เราเล่นได้

ซึ่ง มายด์ ก็จะต้องขอขอบคุณพี่ๆ ทุกคนมากเลยค่ะ ขอบคุณผู้ใหญ่ที่เปิดโอกาส มายด์ ในครั้งนี้ ได้มาเล่นละคร “นางนาค สะใภ้พระโขนง” แม้จะต้องเจอกับดราม่าตั้งแต่ฉากแรก แต่ทุกคน ก็ให้กำลังใจตลอดค่ะ แล้วก็สอนแนวทางการแสดงให้ ในช่วงเวลาที่ต้องเข้าฉากด้วยกัน ถือว่าเป็นเรื่องที่สุดจริงๆ ค่ะ ก็ขอฝากแฟนๆ ทุกท่าน ติดตามรับชม นางนาค สะใภ้พระโขนง กันเยอะๆนะคะ กับเวลาความสุข เวลาแฮปปี้ เวลาแฟมิลี่ 1 ทุ่มตรง ทุกวันจันทร์, อังคาร, พุธ ทางช่องเวิร์คพอยท์ 23 นะคะ

มายด์ อาทิตยา ทุกบทบาท

ประวัติ มายด์ อาทิตยา แห่งค่ายเวิร์คพอยท์ แจกวาร์ปความน่ารักแบบเต็มสิบ

อ่านประวัติ มายด์ สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังระดับประเทศ ที่มีดีทั้งเรื่องร้อง เต้น แล้วก็การแสดง ความสามารถล้นหลาม ที่สามารถครองใจแฟนๆได้ทั้งไทย แล้วก็ต่างประเทศ สาวสวยลุคหวานผสมเท่ คนนี้จะมีอะไรให้ติดตามกันบ้าง ไปทำความรู้จักเธอพร้อมๆ กันได้เลย

มายด์ อาทิตยา ตรีบุดารักษ์ หรือที่ใครๆ ก็รู้จักในนามของ มายด์ เกิดเมื่อวันที่ 9 เดือนมิถุนายน 2542 เป็นหนึ่งในสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปมีชื่อเสียงอย่าง 4EVE ภายใต้สังกัด เอ็กซ์โอเอ็กซ์โอเอนเตอร์เทนเมนต์ รวมทั้งยังเป็นนักแสดงหน้าใหม่ ของค่ายเวิร์คพอยท์อีกด้วย

มายด์เรียนจบจากวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ก่อนที่จะมาเป็นสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ประดับประเทศ มายด์เคยส่งผลงานด้านการแสดง ในสายมิวสิคคัลมาก่อน โดยส่งผลงานละครเวทีกับรัชดาลัย 2 เรื่อง เป็นบัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคคัล 2019 และ สี่แผ่นดิน รวมทั้งผลงานละครโทรทัศน์เรื่อง เกมรักเอาคืน แล้วก็ละครสายสืบกุ๊กกุ๊กกู๋ ตอน แห่นางแมวอลเวง

จนถึงในปี 2563 มายด์ได้เข้ามาเป็นสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง 4EVE ผ่านรายการเซอร์ไวเวิล 4EVE Girlgroup Star และก็ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของ 4EVE ในตำแหน่งนักร้องนำ (vocal) รวมทั้งเป็นพี่คนโตของวง ด้วยคาแรกเตอร์ ที่มีความหวานแล้วก็เท่ในคนเดียวกัน

รวมถึงมีความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าจะร้อง เต้น รวมทั้งทักษะด้านการแสดง ทำให้มายด์ เป็นสมาชิกระดับแนวหน้าของวง แล้วก็มีแฟนคลับไม่น้อยเลยทีเดียว

ล่าสุด มายด์ ได้ขึ้นแท่นเป็นนางเอกแห่งเวิร์คพอยท์ ในละครเรื่อง นางนาค สะใภ้พระโขนง โดย มายด์ อาทิตยา สวมบทบาทเป็นนางนาค ประกบคู่กับพระเอกมีชื่อระดับประเทศอย่าง เก้า จิรายุ รวมทั้งต้องประชันความสามารถการแสดงกับนักแสดง ระดับตำนานอย่าง ต๊งเหน่ง รัดเกล้า

จะมารวมภาพความน่ารักน่าเอ็นดูของ มายด์ สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง 4EVE ให้ทุกคนได้ดูกัน สำหรับคนไหนที่ต้องการติดตามชีวิตและก็ไลฟ์สไตล์ของเธอ สามารถติดตามมายด์ เพิ่มได้ที่ @_.tiya_

สายป่าน อภิญญา ฟ้องหมิ่นประมาท

สายป่าน อภิญญา ชนะคดี ฟ้องหมิ่นประมาท

ต่อสู้เพื่อความถูกต้องมากว่า 2 ปี วันนี้ศาลพิพากษาให้ สายป่าน อภิญญา ชนะคดี ครูสอนดำน้ำ โพสต์หมิ่นประมาทผ่านโซเชียล ทำลายชื่อเสียงแล้วก็ธุรกิจ ฟินดำน้ำ โดยทนาย เกรียงชัย วิศิษฏ์สรอรรถ ทนายความผู้ดูแลคดี กล่าวว่า

“ภายหลังศาลมีคำสั่ง ประทับรับฟ้องจำเลยได้ ทำเรื่องขอประกันตัว และก็ให้การปฏิเสธขอต่อสู้นั้น สืบพยานเสร็จสิ้น ศาลก็มีคำพิพากษาให้ คุณสายป่านและก็บริษัทของ คุณสายป่าน ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีชนะ โดย เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดจริงตามฟ้อง รวมทั้งเพราะเหตุว่าจำเลย ทำผิดครั้งแรก จึงให้รอลงอาญา และก็ชำระค่าปรับตามกฎหมาย

สายป่าน อภิญญา กับทนาย

รวมทั้งให้จำเลยชำระค่าเสียหาย แก่โจทก์ตามคำพิพากษาพร้อมดอกเบี้ย

และให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษา ในหนังสือพิมพ์รายวัน 3 วัน ติดกันตั้งแต่ศาลพิพากษา จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย พร้อมกับให้จำเลยลบข้อความหมิ่นประมาท ตามฟ้องทั้งหมด และที่เกี่ยวข้อง

ถ้าไม่ชำระค่าปรับให้ จัดการตามประมวล มาตรา 29, 30 ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียม แทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความที่ศาล กำหนดตามคำพิพากษา ค่าขึ้นศาล ให้ใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ ที่โจทก์ชนะคดี ครับ”

ทางด้าน สายป่าน ที่ต้องลุ้นกับคดีนี้มานาน เมื่อรู้รายละเอียดก็เบาใจ และดีใจ ที่ทุกอย่างชัดเจน “ถึงวันนี้ ก็นับว่าเบาใจมาก ขอฝากไว้สำหรับทุกคนนะคะ จริงๆมันคือเรื่องที่ไม่ควร จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ และไม่ควรกินเวลาชีวิตมากมายขนาดนี้ ก่อนโพสต์หรือพิมพ์อะไร ควรคำนึงถึงผลที่จะตามมาด้วย บางทีการโพสต์ แล้วก็พิมพ์ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ว่าผลกระทบ ที่ตามมาจะต้องเสียเวลา เสียสุขภาพจิต เสียประสาทไปตามๆกัน”

“สำหรับป่าน 2 ปี ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาถ้าไม่ต้องมาเจอเรื่องนี้ ป่านทำอะไรได้อีกเยอะเลย ต้องการให้ทุกคนใช้ชีวิต ด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน เคารพกัน ผิดว่าตามผิด ถูกว่าตามถูก วันนี้ทั้งหมดทุกอย่างชัดแจ้งแล้ว ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ ให้กันมาตลอด ทั้งจากครอบครัว เพื่อน พี่น้อง แฟนคลับ ลูกค้า นักเรียน ขอบคุณประสบการณ์คราวนี้ ขอบคุณ พี่ทนายตั้ม และขบวนการยุติธรรมของไทย ขอบคุณจริงๆค่ะ”

สายป่าน อภิญญา เที่ยวทะเล

สายป่าน โพสต์นี้อย่างโดน ช่างหัวมัน ใครจะว่าเราดำก็ไม่เป็นไร

แม้ว่าจะเป็นการออกมา ฟาดเบา ๆ แต่ว่าก็ชัดเจน ตรงประเด็นเวอร์! สำหรับ สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข นางเอกซุปตาร์ วัย 32 ปี เมื่อเจ้าตัว ได้ใช้พื้นที่บนอินสตาแกรม @apinnya โพสต์รูปถ่ายขณะเดินเล่น รับลมทะเลริมชายหาด พร้อมกับอวดสรีระเป๊ะเวอร์ ในชุดว่ายน้ำวันพีซ สีม่วงสดใส ยากจะละสายตา

แต่ความพีค กลับไม่ได้จบอยู่เท่านั้น เนื่องจากแคปชั่นที่ สายป่าน ได้เขียนแนบมา ยังเป็นการเอ่ยถึงสีผิวของเธอ ส่งตรงไปถึงคนอีกหลายๆคน ที่อาจจะมีคำถาม หรือเคยติชมเรื่องนี้ ในประมาณว่า “ใครว่าเราดำช่างหัวมันปะไร โทษทีพี่ไม่ดำ พี่เลยจุดดำมาม่วงจ่ะ”

โดยภายหลังที่โพสต์นี้ ถูกแชร์ออกไปได้ไม่นาน ก็มีแฟน ๆ เข้ามาร่วมแสดงความเห็น อย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็น สวยมากกกๆๆ, สีของคนรักทะเล ไปจนกระทั่งสัญลักษณ์อีโมจิรูปหัวใจ และก็อีกเยอะมาก รวมทั้งยังร่วมกดไลก์ เป็นกำลังใจ ให้กับนางเอกคนโปรดด้วย

สายป่าน อภิญญา ประวัติ

ประวัติ สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข

สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข นักแสดงหญิงชาวไทย เกิดวันที่ 27 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2533 เริ่มต้นเข้าสู่แวดวงบันเทิง จากการรับงานโฆษณา เดิมทีพ่อและก็แม่ตั้งชื่อเล่นว่า “สายป่าน” แต่ว่าเห็นว่ายาวไปเลย เรียกชื่อเล่นว่า “ป่าน” เฉยๆ เธอได้เข้ามาเป็นหนึ่ง ในพิธีกรรุ่นที่ 1 รายการ สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก แต่ชื่อเล่นไปซ้ำกับ ป่าน สิริมา ไชยปรีชาวิทย์ เธอจึงกลับมา เรียกตัวเองว่า “สายป่าน” ถัดมาเธอเริ่มเป็นที่รู้จัก และได้รับความสนใจ จากโฆษณาตัวหนึ่ง ที่ฉายในโรงหนัง กระทั่งสายป่านได้มา แสดงนำในภาพยนตร์ครั้งแรก เรื่อง พลอย ทำให้เธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากการแสดงในคราวนั้น ทำให้สายป่านได้มีชื่อเข้าชิงรางวัล Best Supporting Actress ในเวที เอเชียนฟิล์มอวอร์ดส 2008 ต่อมาสายป่านก็ได้ ส่งผลงานแสดงอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์เรื่อง สี่แพร่ง , เฟรนด์ชิพ , เธอกับฉัน , บุญชู 9 และละครโทรทัศน์เรื่อง ส้มหวานน้ำตาลเปรี้ยว เป็นต้น

ด้านครอบครัว

สายป่าน เป็นลูกสาวคนโตของนายวิเชียร และนางเพ็ญแข สกุลเจริญสุข โดยสายป่าน มีน้องสาวอยู่หนึ่งคนชื่อ ผ้าแพร จริยา สกุลเจริญสุข ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 สายป่านได้เข้าพิธีสมรส กับนักแสดงหนุ่ม วุฒิ นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์

ทางการศึกษา

สายป่าน จบการศึกษาระดับอนุบาล-ประถมศึกษาจากโรงเรียนชินวร ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า สายป่านเข้าศึกษาระดับมัธยมปลาย ที่โรงเรียนเซนต์เทเรซา แต่เธอได้ดร็อปเรียนเมื่อเธอศึกษาอยู่ชั้นม.4 และได้เข้าศึกษาและจบการศึกษาระดับมัธยมปลาจากโรงเรียน IBS3 (Interkids Bilingual School) จบการศึกษาระดับปริญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยสายป่านได้รับเกียรตินิยมอันดับ 2 ด้วยเกรดเฉลี่ยสะสม 3.27

วิทนีย์ ฮุสตัน รีวิวหนัง

รีวิวหนัง "I Wanna Dance with Somebody" เรนจ์เสียงทรงพลัง แต่ยังไม่ถึงระดับมหัศจรรย์

ถึงคิวของอีกหนึ่ง ดีว่าในตำนานที่ใคร ๆ ก็ยกให้เธอผู้เป็น “แม่” ยอดเยี่ยมนักร้องเสียงทรงพลังแห่งยุค กับชีวิตที่พุ่งขึ้นสูงสุด รวมทั้งดิ่งลงต่ำสุด ในช่วงเวลาแห่งความเลื่องชื่อ นี่คือ “I Wanna Dance with Somebody ชีวิตมหัศจรรย์…วิทนีย์ ฮุสตัน”

ตีแผ่ชีวประวัติของนักร้องหญิง “วิทนีย์ ฮุสตัน” เจ้าของเพลงดังอมตะ ติดหูมากมาย ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งชีวิต ของตำนานคนเพลง ที่ถูกนำมาขึ้นจอ ท่ามกลางยุค ที่หนังแนว ๆ ทยอยสร้างมาเรื่อยว่าแต่เรื่องนี้ จะยังสร้างเสน่ห์และก็มนต์ขลัง ได้หรือเปล่า?

วิทนีย์ ฮุสตัน นักร้อง

เพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ ที่ได้รับฉายาว่า The Voice เธอคนนั้นเป็น วิทนีย์ ฮุสตัน

ผู้ที่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยสามารถเรียก ได้อย่างเต็มปากว่าเธอคือ ราชินีสุดยิ่งใหญ่แห่งวงการเพลง จากการสร้างสถิติในการกวาดรางวัล บนเวทีประกาศรางวัลของวงการนี้จำนวนมาก และก็นี่เป็นเส้นทางแห่งห้วงชีวิต อันแสนมีเวลาจำกัด ของเธอผู้นี้ ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ทั้งหลากหลายอารมณ์ กับเส้นทางในแวดวงเพลง จากนักร้องเพลงประสานเสียง ในโบสถ์เล็ก ๆ มาเป็นซูเปอร์สตาร์ดาว จรัสระดับโลก ที่มีเสียงอันทรงพลัง ที่โลกจำไม่ลืม

คงจะต้องร้อยเรียงกัน แบบตรงไปตรงมาว่า I Wanna Dance with Somebody เป็นหนังชีวประวัตินักร้องมีชื่อเรื่องหนึ่ง ที่น่าเสียดายไปสักหน่อย ตรงที่หนังแทบไม่มีอะไร ให้น่าจำสักเท่าไหร่เลย ในหลายแง่และหลายองค์ประกอบที่ใส่เข้ามา “คาซี เลมมอนส์” ผู้กำกับหญิง ที่เคยสร้างภาพยนตร์เข้าชิงออสการ์มาแล้ว จาก Harriet มารับหน้าที่ดูแลงานสร้าง ที่เหมือนงานจะค่อนข้างใหญ่ และกดดันเกินไปสักหน่อย ทำให้การลำเลียงชีวิต ของดีวาหญิงผู้นี้ ออกมาเป็นหนังแล้วนั้น ยังมีรสสัมผัส ที่ไม่จัดจ้านเท่าไหร่

วิทนีย์ ฮุสตัน ทรงพลัง

ต่อให้ได้มือเขียนบทตัวท็อป อย่าง “แอนโทนี แม็คคาร์เทน” มาปลุกปั้นเรื่องราว ของหนังเรื่องนี้ ให้และก็ตาม แต่ว่าไม่อาจจะนำเอาไป เปรียบเทียบกับงานเขียนชิ้นก่อนของเขา อย่าง Bohemian Rhapsody ได้เลยสักนิด ระหว่างที่นั่งดู ก็ได้คิดสงสัยว่าเพราะเหตุใด

เสน่ห์ที่มันน่ากลมกล่อม แบบที่เคยทำให้นั้น มันหลบไปอยู่ตรงไหน ทั้งๆที่ทางชีวิตของวิทนีย์ ก็น่าดึงดูดอยู่ไม่น้อย มีมุมมองต่าง ๆ ให้ได้เผยและวาดภาพออกมา ได้อย่างทรงพลังไม่ยาก

จนกระทั่งมานั่งวิเคราะห์ลึก ๆ ก็พบว่า I Wanna Dance with Somebody ค่อนข้างจะที่จะเลือกเสนอชีวิต ของวิทนีย์ในลักษณะ แค่ระดับผิวเผินพอควรอยู่ในหลาย ๆ จุด นั่นก็เลยเป็นจุด ทำให้บทหนัง ยังไม่อาจจะประคับประคองเอาไว้ได้

เหมือนกำลังหนังดูหนังชีวประวัติ ที่สร้างง่ายๆ เป็นหนังฉายบนทีวีเรื่องหนึ่ง ที่หลายองค์ประกอบยังไม่มิติ แล้วก็ยังไม่มีจุดสัมผัส ที่สื่อสารได้ถึงผู้ชม ได้อย่างเต็ม ๆ แม้ว่าจะขนโชว์เพลงที่ได้รับความนิยม มาใส่เอาไว้มากมาย แต่กลับยังไม่ค่อยลื่นไหล รวมทั้งประทับใจมากสักเท่าไรนัก

วิทนีย์เพลง

I Wanna Dance with Somebody คล้ายกับเป็นหนังที่ย่อ ชีวิตวิทนีย์แบบง่าย ๆ

เก็บตกโมเมนท์สำคัญๆ ในไลฟ์ไทม์ของเธอ ถือเอาไลฟ์โชว์เด่น ๆ ที่เคยประทับใจเอามาสร้างซ้ำทับลงไปในนั้น ไล่เรียงเล่าเรื่องเป็นช็อตต่อช็อต โดยที่ไม่ค่อยมีกิมมิก รวมทั้งลูกเล่นอะไรสักเท่าไหร่ งานสร้างก็จัดได้ว่า ดีตามมาตรฐาน ในส่วนนี้ออกจะเพลย์เซฟ ไปสักหน่อย โดยเฉพาะเรื่องโชว์ แล้วก็เพลงประกอบ ที่หนังเลือกที่จะเอาเสียงเพลง ต้นฉบับมาแปะ ทับเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง

ซึ่งก็มิได้พูดว่าการใช้ลูกเล่นนี้ไม่ดี เพียงแต่ว่า พองานสร้างทำได้ ไม่ถึงจุดนั้น ภาพรวมที่ออกมาเป็นเหมือนกับตอกย้ำ การแสดงที่สวมบทบาท แบบปลอมๆ เพิ่มมากขึ้น ผู้แสดงนำฝ่ายกลายเป็นขยับปากร้อง ลิปซิงตามเสียงต้นฉบับ แม้อินเนอร์จะได้ แต่ว่าฟีลลิ่งต่าง ๆ ยังไม่ได้ และไม่ค่อยเชื่อมต่อ กับผู้ชมได้ดีสักเท่าไหร่ นั่นก็เลยเป็นจุด ที่ไฮไลต์เด่นของหนังเรื่องนี้ ควรทำงานตรงนี้ได้ดีที่สุด แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จได้เท่าที่ควร

และมันก็ส่งต่อภาพรวม ขององค์ประกอบการแสดงอีกด้วย ต้องชื่นชมเลยว่า “เนโอมิ แอ็คกี” แบกรับบทหนักทั้งเรื่องนี้ เอาไว้ได้ดีมาก ๆ เธอคือตัวชูโรงเพียงผู้เดียวที่ยืนหนึ่ง

แต่ว่าเนื่องจากส่วนผสมที่ยังขาด ๆ เกิน ๆ ของหนังนั้น กลับไม่ช่วยส่งเสริม พลังการแสดงของเธอ ได้สักเท่าไหร่นัก ในตอนครึ่งแรกเป็นช่วง ที่ถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างจะน่าหลงใหล แต่ในช่วงครึ่งหลัง ที่เป็นห้วงของดราม่าจัด ๆ กลับไม่สามารถแตะไปถึงจุด ที่สร้างความทรงพลังได้

เช่นเดียวกับ นักแสดงสมทบคนอื่นทั้ง “สแตนลี ทุชชี”, “ทามารา ทูนี”, “คลาร์ก ปีเตอร์ส” หรือ “แอชตัน แซนเดอร์ส” เหมือนมาเป็นตัวละคร สมทบให้ครบ ๆ แค่นั้น หนังลืมที่จะให้ความสำคัญ รวมทั้งใส่ใจในรายละเอียด ของพวกเขาไม่สักหน่อย

จับเอามาใส่เพราะว่าควรจะมีแค่นั้น โดยเฉพาะบทของสแตนลี ที่เอาจริง ๆ ถ้าได้รับการใส่ใจมากกว่านี้ บทของเขาคงจะทรงพลังได้ยิ่งกว่านี้ เผลอๆความเป็นมือโปรของเขา ก็ดันให้ไปถึงระดับรางวัลด้วยซ้ำ

โดยสรุปแล้วนั้น I Wanna Dance with Somebody อาจจะยังมิได้ เป็นหนังที่สมบูรณ์แบบ และเยี่ยมที่สุด แต่ว่ามันก็มิได้ เป็นหนังที่แย่ ก็แค่หลาย ๆ องค์ประกอบของหนังเรื่องนี้นั้น ยังออกจะไร้ซึ่งเสน่ห์ ที่ควรมีไปสักนิด

การเล่าเรื่องที่ยังจืดชืดไปนิด แม้ว่าจะมีเวลาแอร์ไทม์ถึง 2 ชั่วโมงกว่า ๆ น่าจะพอเพียงแล้ว แต่ยังทำออกมา ได้แบบยังไม่มหัศจรรย์ สักเท่าไหร่ การแตะต้อง เรื่องราวชีวิตของดีวาแบบผิวเผิน เป็นจุดที่ขาด การเชื่อมต่อกับผู้ชมไป แม้นักแสดงจะทำดี มากแค่ไหน แต่ว่าเรื่องไม่ไปทางเดียวกันด้วย ก็ยังไม่น่ามหัศจรรย์อยู่ดี

เจเรมี เรนเนอร์ กระดูกหัก

เจเรมี เรนเนอร์ เผยกระดูกหักกว่า 30 แห่ง หลังโดนรถไถหิมะทับขา เจ็บโคม่า

เจเรมี เรนเนอร์ ดาราฮอลลีวูดคนดัง เผยกระดูกหักกว่า 30 แห่ง หลังโดนรถไถหิมะทับรับปีใหม่ จนบาดเจ็บอย่างหนัก พร้อมด้วยขอบคุณทุก ๆ คนที่คอยสนับสนุน ช่วยเหลือ จนกระทั่งอาการโดยรวมดีขึ้น

ความคืบหน้ากรณี เจเรมี เรนเนอร์ พระเอกคนดังของฮอลลีวูด วัย 52 ปี ได้รับอุบัติเหตุไม่คาดคิด ขณะขับรถไถหิมะในตอนปีใหม่ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมทั้งถูกนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ส่งโรงยาบาลศูนย์การแพทย์ภูมิภาครีนาวน์ หรือ Renown Regional Medical Center ในเมืองเรโน รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างเร่งด่วน ในช่วงวันปีใหม่ จนทำให้เพื่อน ๆ ในวงการภาพยนตร์และแฟนคลับ ภาพยนตร์ที่ทราบข่าวพากันห่วงใยอย่างมากนั้น

เจเรมี เรนเนอร์ หลังประสบเหตุ

เมื่อ 21 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา เจเรมี เรนเนอร์ ได้โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดีย

เล่าถึงอุบัติเหตุครั้งนี้ว่า ทำให้เขากระดูกหักถึงกว่า 30 ที่ รวมทั้งจะต้องเข้ารับการรักษา ในห้องไอซียูถึง 2 อาทิตย์ กว่าจะสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ แล้วก็ปัจจุบันนี้อาการโดยรวมของเขาดีขึ้นแล้ว

เรนเนอร์ ดาราคนมีชื่อเสียงฮอลลีวูด เจ้าของบท Hawkeye (ฮอว์กอาย) ที่จักรวาลมาร์เวลได้เขียนข้อความ ขอบคุณผ่านทางทวิตเตอร์และก็อินสตาแกรม พร้อมทั้งแชร์รูป ขณะเขานอนอยู่บนเตียง ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากเรนเนอร์ได้รับอุบัติเหตุ จนได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก แล้วก็กระดูกต่าง ๆ หลังจากเขาได้ขับรถไถหิมะ ไปช่วยสมาชิกในครอบครัว ที่รถเกิดติดหิมะ อยู่บนถนนใกล้บ้านพักของเขา ในรัฐเนวาดา และก็ต่อมาเรนเนอร์ ได้ได้รับอุบัติเหตุโดนรถไถหิมะทับขา

กระดูกที่หักกว่า 30 ที่จะได้รับการเยียวยา, แข็งแกร่งขึ้น เหมือนกับเดียวกับความรัก และสายสัมพันธ์ของครอบครัว และเพื่อน ๆ ที่ลึกซึ้ง เรนเนอร์ เขียนข้อความ ลงในทวิตเตอร์และก็ไอจี พร้อมทั้งขอบคุณทุก ๆ คนที่คอยสนับสนุน แล้วก็ส่งกำลังใจ

ดังนี้ เรนเนอร์เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในคราวนี้ ภายหลังจากพายุฤดูหนาวถล่มสหรัฐฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย แล้วก็ทำให้เกิดหิมะตกหนัก ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา ในช่วงปีใหม่ โดยเรนเนอร์ได้ได้รับอุบัติเหตุจากการขับรถไถหิมะ ไปช่วยสมาชิกคนหนึ่ง ในครอบครัว ซึ่งขับรถยนต์ของเขา แต่รถเกิดไปติดหิมะ บนถนนใกล้บ้านพัก ในรัฐเนวาดา

จากการเปิดเผยของนายอำเภอดาริน แบแลม ประจำวาชูเคาน์ตี ระบุว่า เรนเนอร์สามารถขับรถ ไถตักหิมะออกจากรอบ ๆ ที่รถยนต์ติดอยู่ได้สำเร็จ แต่เมื่อเขาลงจากรถไถหิมะ คันดังกล่าว ปรากฏว่ารถไถหิมะ ได้เคลื่อนที่ระหว่างที่บนรถ ไม่มีใครคอยควบคุม วินาทีนั้นเรนเนอร์พยายาม จะกลับขึ้นไปบนรถไถหิมะ ให้ได้เพื่อหยุดรถ แต่ว่าไม่สำเร็จ รถไถขนาดใหญ่ได้ทับขา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส

มีกล่าวว่า หลังจากเรนเนอร์ ดาราฮอลลีวูดคนดัง ได้รับการรักษา ที่ห้องไอซียูของศูนย์การแพทย์รีนาวน์ ได้ประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว การบาดเจ็บของเขาดียิ่งขึ้น และสามารถกลับไปพักฟื้น ที่บ้านได้ ซึ่งเรนเนอร์ได้ขอบคุณแพทย์ แล้วก็บุคลากรการแพทย์ ทุกคนที่ช่วยเขาไว้

ตำรวจเชื่อ เหตุดารา เจเรมี เรนเนอร์ถูกรถทับ-เจ็บหนัก เป็นอุบัติเหตุ

ที่ทำการตำรวจท้องถิ่นในเมืองเนวาดา แถลงในวันอังคารว่า เหตุดาราดัง เจเรมี เรนเนอร์เจ็บหนักจาก การถูกรถเเทรคเตอร์ สำหรับเคลื่อนที่บนหิมะเข้าชนใกล้ย่าน พักผ่อนเลคทาโฮ เมื่อวันที่ 31 เดือนธันวาคม เป็นอุบัติเหตุ

ดาริน บาลาม หัวหน้าสำนักงานเชอริฟฟ์เขตวาสโฮ กล่าวว่า เรนเนอร์ ที่สร้างชื่อจากภาพยนต์หลายเรื่อง โดยเฉพาะหนังซูเปอร์ฮีโร “ดิ อเวนเจอร์ส” ได้รับบาดเจ็บหนักจากการถูก เเล่นทับโดยรถเเทรคเตอร์ของตน หลังจากที่ได้ใช้รถดังกล่าวดึงรถยนต์อีกคันหนึ่ง ออกมาจากหล่มหิมะหนา 3 ฟุต

ตำรวจกล่าวว่า คนขับรถที่ได้รับการช่วยเหลือเป็นคนในครอบครัวของเรนเนอร์ บาลามกล่าวว่า การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป แต่ว่าไม่มีสิ่งที่ทำให้สงสัยว่า เป็นเหตุการณ์ที่มีเบื้องหลังไม่ชอบมาพากล

เขากล่าวว่า ภายหลังดึงรถยนต์ที่ติดหิมะออกมาได้เเล้ว เรนเนอร์ลงจากเเทรคเตอร์ของเขา มาคุยกับญาติคนหนึ่ง ในขณะนั้นแทรคเตอร์เริ่มลื่นไถล เรนเนอร์จึงปีนขึ้น เเทรคเตอร์เพื่อควบคุมรถ แต่เขาถูกทับซะก่อน

ช่วงนี้เรนเนอร์ วัย 51 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บที่อกแล้วก็กระดูก อยู่ในอาการ “วิกฤตแต่ทรงตัว” ตามรายงานของเอพี

ในวันอังคารเหมือนกัน เรนเนอร์โพสต์ภาพตนเอง จากเตียงโรงพยาบาลลงอินสตาเเกรม พร้อมเขียนว่า “ขอบคุณทุกถ้อยคำดีๆ…ผมอยู่ในสภาพหนักกว่าจะพิมพ์ได้ แต่ผมขอส่งความรักไปให้ทุกคน”

เจเรมี เรนเนอร์ พระเอก

ช็อก “เจเรมี เรนเนอร์” บาดเจ็บหนักมาก ประสบอุบัติเหตุขับรถไถหิมะ

เป็นพระเอกฮอลลีวู้ดสายบู๊ ที่คนไทยคุ้นหน้าคุ้นตากันดีสำหรับ “เจเรมีเรนเนอร์” ล่าสุด ทำแฟนๆช็อก เนื่องจากว่าเขาเกิดอุบัติเหตุตอนที่กำลังขับรถไถหิมะวันปีใหม่

ทำเอาแฟนคลับ ช็อกไปตาม ๆ กันเมื่อ “เจเรมีเรนเนอร์” พระเอกฮอลลีวู้ดนักบู๊ ได้รับอุบัติเหตุไม่คาดคิด ขณะเขากำลังขับรถไถหิมะวันปีใหม่ โดยตัวแทนของเขา เผยอาการล่าสุด ของพระเอกว่า อยู่ในขั้นวิกฤติ แต่ว่าทรงตัว

ตัวแทนของพระเอกสายบู๊ชื่อดัง “เจเรมีเรนเนอร์” วัย 51 ปี ประกาศว่า ปัจจุบันพระเอกได้ได้รับอุบัติเหตุตอนที่กำลังขับรถไถหิมะ ซึ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ได้มีการนำตัวเขาบินด่วน เพื่อไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที

ส่วนอาการของเจเรมีตอนนี้บาดเจ็บหนักมาก แต่อาการยังทรงตัว ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ กล่าวได้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเจเรมี เป็นความซวยรับวันปีใหม่ เนื่องจากอุบัติเหตุเกิดขึ้น ตรงกับช่วงปีใหม่พอดี

แถมอีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันเกิดของพระเอกนักบู๊ คนนี้แล้วด้วย ที่เขาจะมีอายุครบ 52 ปีในวันที่ 7 เดือนมกราคม ที่จะถึงนี้ เจเรมี ลี เรนเนอร์ (Jeremy Lee Renner) เกิดวันที่ 7 ม.ค. ค.ศ. 1971 เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน และนักดนตรี เขาเริ่มแสดงในบทสมทบในภาพยนตร์ช่วงทศวรรษ 2000

เจเรมีเรนเนอร์ มีชื่อเสียงเยอะขึ้นเรื่อยๆ ในการแสดงภาพยนตร์สงคราม เรื่อง The Hurt Locker ซึ่งทำให้เขา ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม เมื่อปี 2011

ในปี 2011 เจเรมีแสดงในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Mission: Impossible – Ghost Protocol ซึ่งเจเรมี่ เรนเนอร์ เล่นบท วิลเลียม แบรนท์ นักวิเคราะห์ และก็ เป็นทีมเดียวกับพระเอกทอมครูส

ในต้นปี ค.ศ. 2012 เจเรมีเรนเนอร์ รับบทเป็นมือธนู ของหน่วยชิลด์จาก ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ The Avengers ในบทบาท เจ้าหน้าที่คลินท์ บาร์ตัน หรือ Hawkeye และตามมาติด ๆ กับ The Bourne Legacy แล้วก็ Hansel and Gretel: Witch Hunters

 

แนท อนิพรณ์ นางงาม

ชีวิตต้องสู้ "แนท อนิพรณ์" อดีตเคยใช้เงินวันละ 5 บาท พร้อมเปิดเรื่องราวความรักที่หวานสุด

แม้เส้นทางชีวิตของ “แนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์” จะมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบมาตั้งแต่กำเนิด ชีวิตวัยเด็กก็เรียกได้ว่าต้องสู้ อีกทั้งทำงานบ้านพร้อมทั้งทำทุกอย่างที่ได้เงินมา กระทั่งเข้ามาเรียนต่อระดับปริญญาตรี ที่กรุงเทพมหานคร เจ้าตัว ยังหารายได้เพื่อส่งตัวเอง เรียนด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเธอเอง กระทั่งเมื่อเธอตัดสินใจ ตามล่าฝันในเวที มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 โดยนอกจากที่ แนทอนิพรณ์จะคว้าตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 แล้ว

ในเวทีเดียวกันนี้ แนท ยังสามารถคว้าตำแหน่งพิเศษ Miss Smile ที่คัดเลือกจากสาวงาม ผู้เป็นตัวแทนรอยยิ้มจริงใจ สดใส สมาร์ท ทันสมัย ก่อนที่จะเป็นตัวแทนเมืองไทย ไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2015 ที่สหรัฐอเมริกา แล้วก็ฉายแววเด่นจนเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายของการประกวด รวมถึงได้รางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม มาครอง

แนท อนิพรณ์ รายการ

แนท อนิพรณ์ เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญ คนพิเศษในรายการ “Club Friday Show”

ผลิตโดย CHANGE2561 “แนท อนิพรณ์” ได้เปิดเรื่องราว ในชีวิตพร้อมทั้งเผยความรัก แบบทุกซอกทุกมุมในใจ เพราะอุ่นใจที่ได้มานั่งคุย มานั่งเล่าตรงนี้ เป็นที่แรกแบบหมดเปลือก ก่อนจะประสบผลสำเร็จในชีวิตของแนท ต้องรันทดใช้เงินวันละ 5 บาท ตอนเข้ามากรุงเทพฯใหม่ ๆ พร้อมเปิดความมั่นใจระดับล้านของตนเอง แบบไม่เผื่อใจ ที่จะไม่ได้มง แต่ว่าหากไม่มงจะกลับมาใหม่ ส่วนในเรื่องของหัวใจ แนท ก็เปิดแบบไม่มีกั๊กเรื่องย้อนถึง สามวันจากนารีเป็นอื่นของจริง เปลี่ยนความรู้สึกชอบผู้ชาย ได้ภายในสามวัน ฟินทะลุจอยิ่งกว่าซีรีส์! และก็เจอวิกฤตใหญ่ จนกระทั่งบ้านจะโดนยึด และก็ผู้หวังดีก็เตรียมทับถม

กว่าจะมาถึงวันนี้ ชีวิตของ แนท เองก็สู้มาตลอด?

แนท : คือหนูก็ไม่รู้ว่าเราสู้ชีวิตหรือเปล่า เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่เราทำมาตั้งแต่เด็ก ดังเช่นว่า ปลูกผักกินเอง ออกกำลังกายเพื่อที่เราจะได้ ไม่ต้องป่วยเข้าโรงพยาบาลแล้วเสียตังค์ และเราใช้เงินวันละ 5 บาท ตอนที่เข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ คือ แนท มีกระปุกออมสินที่แนท เก็บไว้ที่บ้านตั้งแต่เด็ก ๆ เราก็คำนวณแล้วว่า ในกระปุกออมสินมันจะต้องใช้ประมาณวันละ 5 บาทไม่เกิน 7 บาท มันถึงจะอยู่ได้ ถึงหนี่งเดือน แล้วเพื่อน แนท เขาก็เอาข้าวมาแล้วก็กินน้ำกินอะไรเอา ขณะนั้นเราก็คิดทำไมชีวิตมันรันทดจังเลย?

ภาพที่ทุกคนจำได้แล้วเป็นแบบตำนานเลย คือ ชุดประจำชาติ รถตุ๊กตุ๊ก ไทยแลนด์?

แนท : ใช่ค่ะ เป็นชุดประจำชาติค่ะ (ยิ้ม)

แล้วในตอนที่เข้าประกวดมั่นใจไหมว่าจะได้?

แนท : (อย่าเกลียดหนูอีกเลย) มั่นใจมาก

แนทคลับฟรายเดย์

แล้วในความเชื่อมั่นมหาศาลมีเผื่อใจไหม?

แนท : เอาตรง ๆ เลยนะคะ ไม่มีได้เผื่อไว้เลยค่ะ ถ้าหากหนูไม่ได้ที่หนึ่ง เราก็จะสละสิทธิ์แล้ว เราจะกลับมาใหม่เพื่อเอาที่หนึ่ง

ถามถึงเรื่องหัวใจกันบ้าง สามารถจีบผู้ชายเองก่อนได้ด้วย?

แนท : ใช่ค่ะ ก็เป็นเพื่อนสนิทกัน มาหลายปีเราก็จีบเขา เราก็เลยโทรศัพท์หาเขาเราเป็นแฟนกันได้ไหม เขาก็บอกว่าเป็นเพื่อนมันก็ดีอยู่แล้วเปล่า แล้วอีกประมาณสามวัน เขาก็โทรศัพท์มา เขาก็พูดว่าลองคุยกันใหม่ไหม เราก็บอกเขาว่าตอนนี้เราคิดกับเขาเป็นเพื่อนแล้ว และเราก็คุยกับคนใหม่ไปแล้ว (ยิ้ม)

แต่ว่า แนท ก็ไม่เคยเผยเรื่องของความรักที่ไหนเลย?

แนท : ทุกคนจะคิดว่า แนท ไม่มีแฟนเพราะแฟน แนท เป็นเด็ก เราห่างจากเขาประมาณ 3-4 ปีเลย ในเวลานั้นเขาเพิ่งจะอายุ 16 ปี แนท ก็ถามเขาตรง ๆ นี่เราตามจีบพี่ทำไมเนี่ย เขาบอกเราว่าคือผมคิดว่า ในชีวิตผมอาจจะเจอผู้หญิงอีกหลายคน อาจจะดีกว่าพี่ สวยกว่าพี่ หรืออะไรก็ตาม แต่ว่าคนที่ใช่ ถ้าหากผมคิดว่าถ้าเกิดผมปล่อยพี่ไปครั้งนี้ ผมไม่มีทางได้พี่กลับคืนมาแน่ๆ ณ วันนี้ ที่ผมเจอพี่แล้ว ผมขอทำเต็มที่ ผมขอจีบพี่ผมไม่ได้อยากปล่อยพี่ไป

แล้วก็เจอวิกฤตการณ์ใหญ่ๆ?

แนท : มันก็เหมือนมีหมายศาลมาค่ะ ว่าจะมายึดบ้าน คือเราก็ช็อคก็ร้องไห้ก่อนอันดับแรก เนื่องจากว่าตากับยายก็รู้ข่าวแล้ว เราก็บอกตายายว่าไม่ต้องห่วงนะ อยู่ในวงการมันก็ต้องมีข่าวเป็นปกติ ปรากฏว่าเขาเก็บเสื้อผ้า รอแบบนั่งกอดรอเลย และมีผู้หวังดีชาวบ้าน 4 ชาวบ้าน 5 เอ้า บ้านจะโดนยึดเหรอ ว่าแล้วต้องโดนยึด

ติดตามเรื่องราวการ สู้ชีวิตแบบหมดเปลือก พร้อมเรื่องราวความรักของ “แนท อนิพรณ์” ได้ในรายการ “Club Friday Show” วันเสาร์ที่ 21 มกราคม นี้ เวลา 12.00 น. ทางช่องวัน31

 

ปาล์ม ศุภชัย ไม่โสด

ปาล์ม ศุภชัย คลั่งรักเปิดตัวคบ เนโกะ ยอมเลิกนิสัย เจ้าชู้ เล่าอดีตสุดเฮิร์ต

ไม่โสดแล้วนะ เนื่องจากโลกกลายเป็นสีชมพูอีกครั้ง ปาล์ม ศุภชัย สุวรรณอ่อน นักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี อยู่ในโหมดคลั่งรัก ถึงขนาดเปิดตัวควง สาวเนโกะ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด หลังชีวิตพัง เนื่องจากเฮิร์ตหนักจนเป็นโรคซึมเศร้า พร้อมประกาศลั่น เลิกเจ้าชู้แล้ว ปาล์ม บอกว่า “คบมาได้ครู่นึงแล้ว 2 เดือนกว่า ๆ กำลังดูใจกัน”

ปาล์ม ศุภชัย เนโกะ

เจอกันได้ยังไง

“เป็นเพื่อนของเพื่อนแนะนำกันมา ในเวลานั้นผมโสด เค้าก็โสด ลองคุยกัน แล้วตอนนั้นผมกำลังเฮิร์ต ชีวิตพังถึงขนาดเป็นโรคซึมเศร้า เป็นซึมเศร้าหนักถึงขั้นกรีดข้อมือ และก็ต้องการตายเลยพี่ ตอนนั้นหนักมากจริง ๆ เป็นเนื่องจากว่าเรื่องความรัก เหมือนกับเค้ารู้ว่าเรากำลังเป็นโรคซึมเศร้า เค้าก็พูดว่าประเดี๋ยวจะช่วยรักษาผมเอง เค้าพูดแบบนี้ จะทำให้ผมดีขึ้น (ยิ้ม) ก็ดีขึ้นครับ ในขณะนี้หายเศร้า แฮปปี้”

ในขณะนั้นเนโกะคิดอย่างไรถึงอาสาอยากรักษาแผลใจให้

เนโกะ “ก็เห็นตอนพี่เค้าใช้ชีวิตสุดโต่ง เที่ยวทุกๆวัน เมาทุกวันจนหนูมีความรู้สึกว่า เค้าคงจะมีปัญหาอะไรสักอย่างอยู่ ก็เลยต้องการทำความรู้จักเค้า อยากรับทราบถึงปัญหาเค้า ต้องการช่วยให้เค้ารู้สึกดีขึ้น”

ปาล์ม “เหมือนผมคบแม่ชีเลยครับ (หัวเราะ)”

เคยคิดมั้ยเหมือนชีวิตเราประสบความสำเร็จในเรื่องของงานแต่ว่าเรามาดิ่งในเรื่องของความรัก

“ใช่ครับผม คือจริง ๆ โดยพื้นฐานของผมเป็นคนเจ้าชู้มาก เพราะเราเปิดใจรักเต็มที่ ก็คือถ้าโสดก็เจ้าชู้มาก แต่ถ้ามีแฟนก็จะอินเลิฟ เปิดตัว”

พอมีแฟนเรื่องจีบสาวอื่นล่ะมีแวบ ๆ บ้างมั้ย

“ไม่ ๆ เค้าอยู่ด้วยกับผมตลอด”

เนโกะแซว “คือเผลอมิได้ ห้ามเผลอ”

ปาล์มถึงขนาดหัวเราะดังลั่น ถึงกับขนาดจิบน้ำแก้เก้อ

แปลว่าพฤติกรรมของปาล์มยังไม่น่าไว้ใจหรือเปล่า

เนโกะ “แต่ว่าเค้าก็ทำให้เราสบายใจระดับนึง โทรศัพท์ให้เราถือได้ บอกรหัส ไม่มีความลับ”

ปาล์ม “จริงพี่ ผมไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหน จับโทรศัพท์เลยนะ ผมถึงขนาดให้โทรศัพท์ให้รหัสทุกอย่าง เอาไปเลยเอาโทรศัพท์ผมไปเช็กได้เลย ปกติผมไม่ให้ คือถ้าเช็กก็คือเจอ แต่ว่าตอนนี้ต้องรีบลบ ลบให้ทัน ถ้าลบไม่ทันเค้าเจอแน่ (หัวเราะ… ยังๆกล้ายิงมุกอีก)”

พอตกลงคุยกันเห็นว่าทำธุรกิจด้วยกัน

ปาล์ม “ครับ คือในขณะนี้คุยกันว่าจะมีแบรนด์เสื้อผ้า ร้านอาหาร ตอนนี้คิดอยู่ คือเวลานี้ลงทุนอะไรต้องชัวร์ จะทำทีละอย่าง คือเราคิดหลายอย่างมาก เนื่องจากว่าเรามีคอนเนกชันที่โอเคแล้ว แต่เรายังไม่ทราบจะทำอะไร แต่ว่าเค้าบอกจะทำอะไรทำเพียงอย่างเดียวก่อน ทำให้ดี ๆ ไปเลย”

ล่าสุดเปิดผับด้วย

“ใช่ๆเป็นร้านเหล้าในทองหล่อ”

เพราะอะไรถึงเลือกทำธุรกิจอย่างงี้

“อ่อ ผมเป็นคนชอบเที่ยว ไหน ๆ ก็เที่ยวแล้วก็ทำงานตรงนี้ไปเลยแล้วกัน”

เอาเวลาไหนพักผ่อน กลางวันก็ถ่ายละครอีก

“ผมนอนน้อยแต่ว่านอนนะ”

ความรักของปาล์มครั้งนี้ดูเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น

“มากขึ้นจริง ๆ พี่เมื่อก่อนเละเทะกว่านี้อีก”

ไม่โสดนะ

ปาล์ม ศุภชัย คบกันมีการเปลี่ยนแปลงในตนเองเยอะขนาดไหน

“เป้าหมายของผมกับของเค้าเหมือนกัน เป็นต้องการมีน้อง อยากมีลูก ต้องการมีครอบครัว คุยกันเลยหากผมใช้ชีวิตปกติ ผมไม่ต้องทำงานอะไรเพิ่ม ก็ใช้ชีวิตปกติไปเรื่อย ๆ อยู่ในคอมฟอร์ดโซน ดูแลพ่อแม่ได้ คิดจะมีครอบครัวคือต้องหาธุรกิจ หารายได้เพิ่มเพราะเหตุว่าการมีลูกมีครอบครัว มันจะต้องใช้เงินเยอะเหมือนกัน คุยกับเขาไว้แล้ว”

คิดแผนอีกนานไหมที่จะแต่งงาน

“คุยกัน 2 ปี ถ้าหากโอเคพร้อมมีเลย คือในขณะนี้พึ่งจะคุยกัน ศึกษากัน พยายามสร้างรายได้ ที่เราทำได้ทำไหว ซึ่งตอนนี้เพิ่งจะเริ่มต้นที่จะสร้าง อายุไม่ได้น้อยกันแล้ว ผมอายุ 33 เนโกะอายุ 28 แล้ว”

จริงดิ แฟนหน้าเด็กมากนึกว่าหลอกเด็กซะอีก

“เนี่ยทุกคนพูดแบบนี้หมดเลย เหมือนผมไปหลอกเค้า แต่ว่าจริง ๆ มิได้เด็กแล้วนะ เนโกะอายุ 28 แล้วความคิดเค้าโตเป็นผู้ใหญ่กว่าผมอีก เรื่องความคิด การวางแผนอนาคต เค้าโตกว่าผมอีก เค้าทำให้ผมรู้สึกว่าอยากมีอนาคต ต้องการทำให้ตัวเองดียิ่งขึ้น”

ความรักคราวนี้เราสามารถประกาศ ได้เลยมั้ยว่าเลิกเจ้าชู้แล้ว

“ได้นะครับ บอกได้เลย เค้าอยู่กับผมตลอดเลยไม่ว่างเจ้าชู้”

กิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของปาล์ม ทำให้เนโกะมีกังวลคิดหนักที่จะคบมั้ย

เนโกะ “มีค่ะ แต่ว่าเราคิดซะว่า เค้าปฏิบัติกับเรายังไงมากกว่า เพราะว่าทุกคนมีอดีต ทุกคนมีนิสัยเก่าแต่ถ้าเกิดอยู่ด้วยแล้ว เค้าให้เกียรติเราต่อหน้า ถ้าหากลับหลังได้ด้วยจะยิ่งดี พร้อมเปิดโอกาส”

ตรงนี้ทำให้เราอึดอัดมั้ย

ปาล์ม “ไม่อึดอัดนะครับ เกรงใจ ที่เค้าทำแบบนี้ผมไม่อึดอัดนะ ผู้ชายที่เจ้าชู้ทุกคนจะไม่ชอบให้ผู้หญิงก้าวก่าย จะหนีเลยไม่เอา แต่คราวนี้ผมไม่รู้สึกอึดอัด เค้าไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอย่ามาทำอย่างนี้สิ มีเหตุผลของเค้า ซึ่งอธิบายให้ผมเข้าใจได้”

เรียกว่าเจอในเวลาที่ใช่ด้วย

“ใช่ๆผมเห็นเพื่อนผมมีลูกโต พาไปเที่ยวได้ ผมอยากเป็นอย่างนั้นมีลูกพาไปเที่ยวได้ เหมือนมีเพื่อนอีกคนนึงแต่ว่าเป็นลูก เราเลยวางไว้ 2 ปี ในช่วงเวลานั้นเนโกะ 30 ก็กำลังดีครับ”.

ดาราเด็กชื่อดัง รวม

รวมดาราเด็กชื่อดัง โตมาสวยหล่อสุดปังกันทุกคน เด็กคนนั้นโตมากลายเป็นฉัน!

ดาราเด็กชื่อดัง วันเด็กแห่งชาติ 2566 เวียนมาถึง ทำให้คิดถึงเหล่าดาราเด็ก นักแสดงเด็ก ที่เคยโลดแล่นหน้าจอทีวี ฝากผลงานละคร หลายต่อหลายเรื่อง จนเป็นที่รู้จัก สร้างชื่อ และก็เข้าไปจับจองหัวใจ พี่ป้าน้าอาแฟนละครทั่วทั้งประเทศ ซึ่งแน่นอน ว่าไม่พลาดที่จะตกกระแส ขออินเทรนด์ในช่วงวันเด็ก ด้วยการรวบรวมส่วนหนึ่งของ ดาราเด็กชื่อดัง ที่โตเป็นหนุ่มหล่อ สาวสวย แบบมองเท่าไร ก็ไม่มีเบื่อ แถมทางด้านความสามารถ ก็พัฒนาตามวัยอีกด้วย

ดาราเด็กชื่อดัง ยอร์ช

ดาราเด็กชื่อดัง “ยอร์ช ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์”

เริ่มที่หนุ่มหล่อเบอร์แรง “ยอร์ช ยงศิลป์” ที่เลื่องลือจากละครเรื่อง “ท้องเนื้อเก้า” ในบทของ “วันเฉลิม” เรียกว่าดังทะลุจอสุด ๆ ในตอนนั้น ถัดมายอร์ชเริ่มโตเป็นหนุ่ม ฉายแววซุปตาร์ เจ้าตัวเลยขอเลือกทางเดินสายศิลปิน เลยมีโอกาสได้ไปเทรนเป็นศิลปิน ที่ประเทศเกาหลีใต้ ในชื่อ “Trainee A” ก่อนที่จะช่วงปลายปี 2565 ทีมดูแลคอนเทนต์ และโซเชียลมีเดียของ Trainee A ออกมาแจ้งว่า จะปิดโซเชียลมีเดียของ Trainee A ทุกช่องทาง โดยไม่ได้แจ้งถึงสาเหตุแต่อย่างใด

แล้วหลังจากนั้นยอร์ช ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ทางไอจีสตอรี่ของตน เพื่อแจ้งข่าวกับแฟน ๆ ว่า “เสียใจที่ต้องมาบอกกับทุกคนว่า โปรเจ็กต์นี้ได้จบลงแล้ว แล้วผมต้องการขอบคุณทุกคน

ที่สนับสนุนพวกเรา ขอบคุณที่นำความทรงจำที่มีค่ามากมาย มาให้พวกเรา และถัดจากนี้ไม่ว่าพวกเรา จะทำอะไรหรือไปในทิศทางไหน ก็หวังว่าทุกคนจะสนับสนุนเราดังเดิมนะครับ รักทุกคนครับ” ซึ่งจะต้องติดตามกันถัดไปว่า ยอร์ชจะส่งผลงานอะไรให้แฟนคลับ ได้ติดตามกันบ้าง

ดาราเด็ก

“แม็ค ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์”

ต่อกันที่ “วันเฉลิม” อีกรุ่น อย่าง “แม็ค ณัฐพัชร์” ที่ฉายแววหล่อตั้งแต่แสดงเรื่อง “ท้องเนื้อเก้า” วันเวลาผ่านไป แม็คมีผลงานการแสดงอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งปัจจุบัน แม็คโตเป็นหนุ่มเต็มตัว แถมดีกรีความหล่อ ยังเยอะขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปออกรายการ “ร้องข้ามกำแพง” เรียกว่าทำแฟน ๆ ตะลึงในความน่ารัก ใจละลายกันเป็นแถว

ดาราเด็ก อันดา

“อันดา กุลฑีรา ยอดช่าง”

เป็นดาราเด็กอีกคน ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี สำหรับ “อันดา กุลฑีรา” สาวน้อยหน้าใสที่เราเห็น ในจอโทรทัศน์ตั้งแต่เด็ก ผลงานเด่น ๆ ที่ทุกคนนึกออกคือละครเรื่อง “พรพรหมอลเวง” ในบทของ “น้องเมย์” นอกเหนือจากนั้นอันดา

ยังนับว่าเป็นดาราเด็กที่มีงานชุก ละครนับสิบ ๆ เรื่อง ตอนนี้อันดาโตเป็นสาวสวยเต็มวัย แถมความงาม ให้แบบเต็มสิบไม่หัก งานนี้คุณพ่อตระเตรียมไว้หนวดคอยได้เลย

ดาราเด็ก อ๊ะอาย

“อ๊ะอาย 4EVE” หรือ “กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ”

กำลังโด่งดังในชื่อศิลปินวง “4EVE” สำหรับสาว “อ๊ะอาย กรณิศ” ที่ยิ่งโตยิ่งสวย ส่วนความสามารถไม่ต้องเอ่ยถึง ทั้งยังงานแสดง ร้องเพลง เต้น อ๊ะอายเอายู่หมด เพราะความมุ่งมั่น แล้วก็การพัฒนาตัวเอง ขยันฝึกฝนตนเอง

ทำให้ชื่อของอ๊ะอายในวันนี้ เข้าไปอยู่ในใจแฟน ๆ ทั้งประเทศเรียบร้อยแล้ว สำหรับอ๊ะอาย เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ในละครเรื่อง “ยมบาลเจ้าขา” ถัดมาได้โอกาส ได้เข้าร่วมประกวดร้องเพลงหลายรายการ อาทิ เดอะเทรนเนอร์ ปั้นฝันสนั่นเวที ปี 5 และ เดอะวอยซ์ คิดส์ ไทยแลนด์ ซีซั่นที่ 2

ใยไหม

“ใยไหม ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ”

เพิ่งจะเปิดเผยข่าวดีไปหมาด ๆ สำหรับสาวน้อย “ใยไหม ชินารดี” ที่ได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสด สังกัดช่อง31 เรียบร้อยแล้ว ใยไหม เป็นที่รู้จักในบทบาทของ “ไข่ตุ๋น” จากละครเรื่อง “ลิขิตเสน่หา” ด้วยการแสดงที่มีเสน่ห์ แล้วก็มีเอกลักษณ์เป็นลักยิ้ม ทำให้ใยไหมเป็นที่รักของพี่ป้าน้าอาแฟนละคร แถมยิ่งตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว ฉายแววนางเอกสุด ๆ

ดาราเด็กดัง

“ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนา”

ต่อกันที่ “ชาร์เลท วาศิตา” ดาราเด็กที่ตอนนี้โตเป็นสาวเต็มตัว แถมขึ้นแท่นนางเอก ประกบพระเอกรุ่นพี่ “ฌอห์ณ จินดาโชติ” ในละครพีเรียด “พระนคร 2410” เรียกว่าเป็นการพิสูจน์ ฝีมือการแสดงไปขั้น สำหรับ ชาร์เลท เริ่มส่งผลงานการแสดงครั้งแรก

ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ โดยได้เล่นละครเรื่องแรกเรื่อง “วิวาห์ว้าวุ่น” และก็ได้ร่วมแสดงในละครเรื่อง “ดอกส้มสีทอง” ในบท “เรยา” (ตอนเด็ก) โดยเริ่มมีชื่อเสียงในบทบาท “กุมาริกา” (โกลเด้นเบบี๋) ในละครเรื่อง “The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ” ปัจจุบันนี้ชาร์เลท เป็นนักแสดงสังกัดช่องวัน 31

อินเตอร์

“อินเตอร์ รุ่งรดา รุ่งลิขิตเจริญ”

ฉายแววความน่ารักสดใส ตั้งแต่เด็ก สำหรับ “อินเตอร์ รุ่งรดา” ที่เป็นซุปตาร์ตัวน้อย ส่งผลงานละครที่สร้างชื่อ อาทิ เมีย 2018, อรุณา 2019, ไลลา ธิดายักษ์, ซิตคอม สุภาพบุรุษสุดซอย เป็นต้น แม้ว่าทำงานในวงการบันเทิง แต่ว่าการเรียนอินเตอร์ก็ไม่ทิ้ง เนื่องจากคว้าเกรด 4.00 มานอนกอด

ยิ่งกว่านั้นอินเตอร์ยังเป็นผู้แทนประเทศไทย ไปเดินเฉิดฉายบนเวทีการแข่งขันเดินแบบระดับโลก WCOPA ที่อเมริกา คว้ารางวัล นางแบบรุ่นจิ๋ว 2017 หรือ Junior Female Model WCOPA 2017 ทั้งเหรียญทองและโล่รางวัลอันดับ 1 อีกด้วย

น้อง

“เฟม ชวินโรจน์ ลิขิตเจริญสกุล”

โลดแล่นในแวดวงบันเทิง ส่งผลงานทั้งละคร ซิตคอม รวมทั้งภาพยนตร์ สำหรับ “เฟม ชวินโรจน์” ถึงแม้ว่ามิได้เปรี้ยงปร้างตู้มตาม เสมือนคนอื่น แต่ว่าเฟมก็ส่งผลงานอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เด็กจนโต แล้วก็ที่สำคัญยิ่งโต ยิ่งเท่

รวมทั้งยังพิสูจน์ความสามารถตัวเอง ด้วยบทบาทต่าง ๆ อย่างซีรีส์เรื่อง “Sing Again รักอีกครั้ง” ทาง TrueID ที่เฟมสลัดลุคหนุ่มมาดแมน รับบท LGBTQ ซึ่งเฟมได้ออกนอกกรอบ และก็การันตีความเป็นนักแสดงคุณภาพด้วยบทนี้

ฟลุ๊ค

“ฟลุท ชินพรรธน์ กิตติชัยวรางค์กูร”

ส่งท้ายที่หนุ่มหน้าใส “ฟลุท ชินพรรธน์” ดาราเด็ก ที่เริ่มต้นเข้าสู่แวดวงบันเทิง ตั้งแต่เขาอายุได้เพียง 2 ขวบ โดยได้ส่งผลงานโฆษณาชิ้นแรกคือ โฆษณาแป้งเด็ก ถัดมาคุณแม่มักจะพาฟลุท ตามพี่ชายไปถ่ายโฆษณาแล้วก็ละคร เลยมีคนชักชวนให้เขามาถ่ายบ้าง ทำให้พออายุได้ 4 ขวบ

ฟลุทจึงได้ส่งผลงานการแสดงละครเรื่องแรก ในฐานะนักแสดงรับเชิญในซิตคอมเรื่อง “เป็นต่อ” หลังจากนั้น ฟลุทมีผลงานอื่น ๆ เรื่อยมา โดยเฉพาะละคร ตั้งแต่ปี 2547 จนกระทั่งปัจจุบัน ส่วนเรื่องความหล่อ ไม่ต้องกล่าวถึง เพราะว่าหนุ่มคนนี้เค้าฮอตมาตั้งแต่เด็กแล้ว

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ หนัง

รีวิวหนัง "ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์" ความคมคายอาจยังไม่ถึง แต่มีดีที่งานซีจีไม่น้อยหน้าใคร

คงต้องสารภาพกันแบบตรง ๆ ว่าภาพยนตร์ไทย ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องนี้ ขึ้นกับความเชื่อและพลังศรัทธาเฉพาะบุคคลแท้ ๆ ถึงแม้ว่าหน้าหนังไม่ได้มีอะไร ดึงดูดความสนใจอะไรได้มากนัก ไม่มีนักแสดงเบอร์ใหญ่ ไม่มีพลังพีอาร์ระดับเทพ

แต่ว่า “ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์” ก็กลายออกมาเป็นหนังไทย ที่เคลมว่าเป็นแอคชั่นแฟนตาซี ผสมผสานตำนานเล่าขาน ที่เหนือธรรมชาติกับความเลื่อมใสของคนท้องถิ่น บางทีก็อาจจะฟังดู เป็นหนังแฝงการโปรโมท สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปหน่อย แต่ปรากฏว่าเนื้อในของหนังนั้น ก็ไม่ใช่แบบที่คิดไว้

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ วัด

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เล่าย้อนไปในอดีต พระธุดงค์ผู้มีญาณบารมี สูงส่งรูปหนึ่งได้นำดวงจิตของเด็กชายวัย 10 ขวบ

มาพำนักไว้ที่วัดร้างบ้านฉลอง อำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยได้กำชับ “ให้อยู่เฝ้าสถานที่แห่งนี้ จนจะมีผู้มีบุญญาธิการมาถึง” เด็กชายผู้นั้น ก็อุทิศตนรักษาสัจจะ ที่ให้ไว้กับพระธุดงค์ตลอดมา เวลาผ่านพ้นอีกเกือบร้อยปี เก่ง รวมทั้ง เปี๊ยก สองพี่น้องเดินทางพนันชนไก่ จากพระนครสู่เมืองนครศรีธรรมราช

เก่งเอาไอ้แดงไก่ชนคู่ทุกข์คู่ยาก ไปชนกับไก่ของอันธพาลเจ้าถิ่นกระทั่งแพ้พนันหมดตัว เก่งแล้วก็เปี๊ยกหลบหนี รวมทั้งจะต้องไปอาศัยวัดร้างแห่งหนึ่ง เป็นที่พักที่อาศัยชั่วคราว รวมทั้งนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทั้งคู่ ได้พบกับเด็กคนชายผู้นั้นในวัดร้าง เก่งเรียกเขาว่า “ไอ้ไข่” โดยที่เก่งไม่เคยเอะใจเลยว่า ไอ้ไข่ไม่ใช่เด็กธรรมดา

อันธพาลเจ้าถิ่นที่เก่งไปมีเรื่อง ในการพนันไก่ชนนั้น คือลูกชายของ ขุนสมาน ผู้กว้างขวางแห่งสิชล ขุนสมาน เองก็พยายามที่จะขุดหาสมบัติ ในวัดร้างนั้นมารักษาไว้เอง อยู่หลายครา แต่ว่าไม่เคยสำเร็จ เพราะว่าอิทธิฤทธิ์ไอ้ไข่ ที่คอยคุ้มครอง ขับไล่ ไม่ให้พวกคนใจโฉด เข้ามาขโมยสมบัติร้อนถึง เสือเมือง จอมขมังเวทย์ที่รีบเริ่มเดินทางมาถึงบ้านฉลอง

เพื่อเข้าสมทบกับขุนสมาน จัดเตรียมจัดการไอ้ไข่ขั้นเด็ดขาด ไอ้ไข่จะยืนหยัดต่อสู้ เพื่อรักษาสมบัติ ตามคำมั่นที่เคยให้ไว้กับพระธุดงค์ได้ไหม? ส่วนเก่งก็เคลือบแคลงใจ|หัวใจว่าไอ้ไข่ไม่ใช่มนุษย์ มิตรภาพจึงเกิดรอยร้าวครั้งใหญ่ บทพิสูจน์แห่งศรัทธา และก็ปาฏิหาริย์กำลังท้าทาย ทุกตำนานที่เคยเกิดขึ้น

สำหรับหนังเรื่องนี้ เป็นฝีมือของผู้กำกับหนังไทย ที่คร่ำหวอดมาเป็นสิบปี อย่าง “ธีรธร เชาวนโยธิน” ที่มักจะถนัดงานสร้างหนังสยองขวัญ หรือหนังที่แฝงไปด้วยข้อคิดกฎแห่งกรรม แม้ว่าผลงานของเขาที่ผ่าน ๆ มาอาจจะไม่เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตา และวงการหนังไทยสักเท่าไหร่ แต่ว่าการได้มาหยิบจับงานสร้างภาพยนตร์ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องนี้ก็นับว่าเป็นลับคม ฝีมือของเขาได้ดีไม่น้อย ชี้ให้เห็นว่างานที่สเกลใหญ่ขึ้น เขาก็สามารถรับมือกับมันได้อยู่

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ นักแสดง

อาจจะต้องบอกกันตรง ๆ ว่า ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบ

ในทุกด้านแต่อย่างใด หนังยังเต็มไปด้วยจุดโหว่ และช่องว่างเยอะแยะเต็มไปหมด การเล่าเรื่องของหนังค่อนข้างจะยวนยาน เกินจำเป็นไปนิดหน่อย เนื่องจากมัวไปเสียเวลา อยู่กับการปูเรื่องรวมทั้งเกริ่นเรื่องในช่วงครึ่งแรกเป็นชั่วโมง แต่พอสามารถจับทาง รวมทั้งเข้าเนื้อหาของหนังได้แล้วนั้น ก็จัดว่าตัวหนังค่อนข้างจะไหลลื่นได้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าจะยังเป็นรสชาติ ที่มิได้ให้ความอร่อยแบบธรรมชาติ สักเท่าไหร่นัก

จังหวะการตัดต่อและลำดับเรื่องราวในหนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ยังคงค่อนข้างจะต้องปรับปรุงอยู่อีกหน่อย เพราะว่าเป็นจุดที่คอยตัดอารมณ์ของหนังไปหลายครั้ง ยังไร้ความละมุนในการ ใส่จุดเชื่อมโยงแต่ละฉาก แล้วก็ซีนไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งยังแอบเห็นว่า บางจุดก็ใส่เข้ามา เกินจำเป็นไปสักหน่อย แล้วก็บางซีนเหมือนจะยังลืม ๆ ใส่องค์ประกอบที่ครบถ้วนเข้าไปอยู่บ้าง แต่เป็นเพียงจุดเล็กน้อย ที่แทบสังเกตไม่เห็นด้วยซ้ำ

ทางด้านการแสดงที่ต้องสารภาพว่า แทบจะไม่มีนักแสดงเบอร์ใหญ่ ๆ เลยในหนังเรื่องนี้ แต่ก็มีนักแสดงหลายท่านที่ช่วยกัน ประคับประคองหนังเรื่องนี้ กันไปให้ตลอดรอดฝั่ง ซึ่งก็ต้องชื่นชมการแสดง และการแบกรับหนังเรื่องนี้ ของนักแสดงหนุ่ม “ต้น ศักราช” ที่เหมือนจะมีประสบการณ์ ทางการแสดงมากที่สุด ในบรรดาดารานำที่มีอยู่ และก็เป็นตัวละครที่คอยช่วยประคองหนังไว้ภายในหลาย ๆ จุด ถึงแม้ว่ามิติบทที่เขาได้รับนั้น แทบจะไม่มีอะไรเลย และก็ออกจากน่ารำคาญ ไปสักด้วยซ้ำ ไปฝีมือการแสดงของเขา เอาได้อยู่

ในช่วงเวลาที่ลีลาการแสดงของ น้องโกฮัง ณัฐวรรธ ที่มาสวมบทบาทหนักในหนังเรื่องนี้ ก็จะต้องว่ายังไม่มีอะไร ที่น่าจดจำสักเท่าไหร่ แต่น้องก็ถือว่าพยายาม แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ถึงการแสดงจะยังจะต้องฝึกฝนอีกต่อไป แต่ว่าก็ถือว่าการเลือกน้อง มารับบทเป็นไอ้ไข่ในครั้งนี้ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมดี โดยเฉพาะอย่างลักษณะกายภาพของน้อง ที่นับว่าค่อนข้างเหมาะสมกับตัวบทนี้ อาจจะยังไม่ใช่การแสดงที่ดีนัก แต่ว่ามั่นใจว่าน้องจะ พัฒนาได้ดียิ่งขึ้นถัดไปแน่ ๆ

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เฝ้า

ส่วนทีมนักแสดงคนอื่น ๆ ก็พากันช่วยแบกหนังเรื่องนี้ สักอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ไม่ว่าจะเป็น “ครีมมี่ พลอยปภัส”, “โอโบ ธีรยา” หรือแก๊งรุ่นใหญ่ “ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง”, “โกวิท วัฒนกุล” หรือ “บุ๋มบิ๋ม สามโทน” มาช่วยเป็นคาแรกเตอร์เสริม ที่ทำให้หนังดูเติมเต็มยิ่งขึ้น ถึงแม้บทบาทและก็คาแรกเตอร์ของพวกเขานั้น แทบไม่มีอะไรแปลกใหม่ รวมทั้งตื้นเขินไปเสียหมดก็ตามที

แต่ว่าสิ่งหนึ่งจะต้องปรบมือให้เสียงดัง ๆ ให้กับ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์เรื่องนี้ ก็คืองานออกแบบเทคนิคพิเศษ แล้วก็ซีจีต่าง ๆ ที่ยอมรับว่าหนังทำออกมา ได้ค่อนข้างดีกว่า ที่คาดเอาไว้มากทีเดียว แม้ว่าจะไม่ได้องค์ประกอบนี้ ออกมาฟุ่มเฟือยเท่าไหร่ แต่ว่าเห็นได้ชัดว่า เวลาใส่ออกมาแต่ละฉากนั้น ค่อนข้างจะพิถีพิถัน แล้วก็ใส่ใจงานซีจี อย่างละเอียดที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างดี ถือได้ว่าเป็นหนังที่มีดี ที่งานซีจีและไม่ใส่งานหยาบ ๆ ออกมาดูถูกผู้ชมเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ค่อนข้างจะน่าพอใจอีกเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น องค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ ที่เซ็ตฉากออกมาได้ค่อนข้างจะน่าสนใจ รวมถึงงานถ่ายภาพ และก็ดีไซน์ภาพในหนังเรื่องนี้ มีหลาย ๆ ฉากที่ทำออกมาได้สวย อีกทั้งยังพยายามใส่มุมกล้องแบบใหม่ ๆ เข้ามาเป็นเทคนิคที่แปลกใหม่ ในหนังไทยได้ดีอีกด้วยเหมือนกัน

โดยภาพรวมแล้วนั้น ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์นับได้ว่าเป็นหนังที่พอดูได้เพลิน ๆ อาจจะยังไม่เข้าใกล้ คำว่าสมบูรณ์แบบเท่าไรนัก แต่ก็จัดได้ว่า มีองค์ประกอบหลาย ๆอย่างที่น่าพึงพอใจดี บทหนังกับการเล่าเรื่องอาจจะ ยังเป็นจุดอ่อนไปสักหน่อย แต่ว่าก็มีสิ่งอื่นเข้ามาทดแทน จุดด้อยของหนังได้เป็นอย่างดี แม้ว่าก่อนที่จะเข้าไปดูหนังเรื่องมีความคิดส่วนตัวว่า จะเป็นหนังที่เชื่อมโยงโปรโมท กับความเชื่อท้องถิ่นมากแน่นอน แต่ผลสรุปที่ออกมากลับไม่ใช่ นี่ก็คือหนังที่ผลิตขึ้นจากตำนานเล่าขานของชาวใต้ ที่เต็มไปด้วยความเคารพ และก็ความเชื่อ ที่มาจากพลังใจอย่างแท้จริง